วิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม1

ลำดับ

บทนิยาม      ฟังก์ชันที่มีโดเมนเป็นเซตของจำนวนเต็มบวกที่เรียงจากน้อยไปมากโดยเริ่มตั้งแต่  1   เรียกว่าลำดับ

ถ้าฟังก์ชันเป็นลำดับที่มีโดเมนเป็น    { 1, 2, 3, …, n }  เรียกว่า    ลำดับจำกัด

และถ้าฟังก์ชันเป็นลำดับที่มีโดเมนเป็น { 1, 2, 3, … }  เรียกว่า   ลำดับอนันต์

 1.ความหมายของลำดับ

ในการเขียนลำดับ จะเขียนเฉพาะสมาชิกของเรนจ์เรียงกันไป

กล่าวคือ  ถ้า a  เป็น ลำดับจำกัด  จะเขียนแทนด้วย   a1,   a2,  a3,  …,  an

และ        ถ้า a  เป็น ลำดับอนันต์  จะเขียนแทนด้วย  a1,  a2,  a3,  …,  an,  …

เรียก           a1   ว่า  พจน์ที่ 1  ของลำดับ

เรียก          a2   ว่า  พจน์ที่ 2  ของลำดับ

เรียก          a3   ว่า  พจน์ที่ 3  ของลำดับ

 

และเรียก   an  ว่า  พจน์ที่ n  ของลำดับ หรือพจน์ทั่วไปของลำดับ

 2. ตัวอย่างของลำดับ

                        1)   4,  7,  10,  13    เป็น   ลำดับจำกัด  ที่มี

a1             =           4
a2             =           7
a3             =            10
a4             =            13
และ     an             =            3n + 1

2)    – 2,  1,  6,  13,  …   เป็น   ลำดับอนันต์    ที่มี

                                             a1             =           – 2
a2             =           1
a3             =           6
a4             =           13
และ   an             =            n2 – 3

การเขียนลำดับนอกจากจะเขียนโดยการแจงพจน์แล้ว อาจจะเขียนเฉพาะพจน์ที่ n  หรือพจน์ทั่วไปพร้อมทั้งระบุสมาชิกในโดเมน

ตัวอย่าง

1)      ลำดับ  4,  7,  10,  13    อาจเขียนแทนด้วย

an     =  3n  +  1                                เมื่อ  n    {  1,  2,  3,  4  }

2)     ลำดับ   – 2 ,  1,  6,  13,  …  อาจเขียนแทนด้วย

an     =      n2 – 3                              เมื่อ  n  เป็นจำนวนเต็มบวก

หมายเหตุ       ในกรณีที่กำหนดลำดับโดยพจน์ที่ n หรือพจน์ทั่วไป ถ้าไม่ได้ระบุสมาชิกในโดเมน

ให้ถือว่าลำดับนั้นเป็น  ลำดับอนันต์

3.ตัวอย่าง ลำดับต่อไปนี้เป็นลำดับจำกัด หรือ ลำดับอนันต์

   ลำดับจำกัด  เป็นลำดับที่มีโดเมนเป็นเซตของจำนวนเต็มบวก n พจน์แรก

   ลำดับอนันต์  เป็นลำดับที่มีโดเมนเป็นเซตของจำนวนเต็มบวก

1)    6,  12,  18,  24,  30       เป็นลำดับจำกัด

2)    2,  4,  8,  16,  …,  ,  …        เป็นลำดับอนันต์

3)    an   =   5n  – 2   เมื่อ   n    {  1,  2,  3,  …,  20 }    เป็นลำดับจำกัด

4)              เป็นลำดับอนันต์

5)    an   =    n2  +  3        เป็นลำดับอนันต์

 

bg136

 ลำดับเลขคณิต

บทนิยาม  ลำดับเลขคณิต   คือ  ลำดับที่มีผลต่างที่ได้จากการนำพจน์ที่ n+1  ลบด้วยพจน์ที่ n แล้วมีค่าคงที่เสมอ
และเรียกผลต่างที่มีค่าคงที่ว่า  ผลต่างร่วม  ( Common  difference )

ถ้า  a1,  a2,  a3,  …,  an,  an+1 ,  … เป็นลำดับเลขคณิต  แล้ว

จะได้  a2 – a1  =   a3 –   a2   =   …   =   an+1 –  an    เท่ากับ  ค่าคงที่ 

เรียกค่าคงที่นี้ว่า “ ผลต่างร่วม ” (Common difference)    เขียนแทนด้วย  “ d 

              จากบทนิยาม                d              =        an+1  –   an

หรือ      an+1        =        an    +    d

ความหมายของลำดับเลขคณิต

พิจารณา         ลำดับ   1,  4,  7,  10,  …

 

ซึ่ง            a2  –   a1      =       4 – 1   =       3

a3  –   a2      =       7 – 4   =       3

a4  –   a3      =      10 – 7  =       3

จะเห็นว่า  ผลต่างของพจน์หลัง ลบด้วยพจน์หน้าที่อยู่ติดกันมีค่าคงที่ เท่ากับ  3

เรียกผลต่างที่มีค่าคงที่ว่า  ผลต่างร่วม  และเรียกลำดับนี้ว่า  ลำดับเลขคณิต

ตัวอย่าง  ลำดับเลขคณิต

  1. ลำดับ   1,  3,  5, …,  99   เป็นลำดับเลขคณิต   มีผลต่างร่วม ( d ) เท่ากับ   2
  2. ลำดับ   6,  3,  0, …, -27  เป็นลำดับเลขคณิต   มีผลต่างร่วม ( d ) เท่ากับ  -3
  3. ลำดับ   5,  5,  5, …,  5     เป็นลำดับเลขคณิต   มีผลต่างร่วม ( d ) เท่ากับ   0
  4. ลำดับ   0,  0,  0, …,  0     เป็นลำดับเลขคณิต   มีผลต่างร่วม ( d ) เท่ากับ   0

จากตัวอย่างข้างต้น จะพบว่า d เป็นจำนวนจริงใด ๆ และ ถ้า  d = 0  จะได้ว่าทุกพจน์ของลำดับมีค่าเท่ากัน
และเรียกลำดับนี้ว่า “ลำดับคงตัว”  เช่น ข้อ 3 และข้อ 4

รูปทั่วไป

เราสามารถกำหนด ลำดับเลขคณิต a1,  a2,  a3, …,  an, … ดังนี้
ให้ a1 เป็นพจน์แรกของลำดับ  และ d  เป็นผลต่างร่วม
และให้      an        =        an – 1  +   d             เมื่อ   n    2

จะได้      a2         =         a1    +   d

a3         =         a2    +   d

=         ( a1  +  d )  +  d                 =             a1  +  2d

a4         =         a3  +  d

=         ( a1  + 2d )  +  d                =             a1  +  3d

    .
.
.

an         =         a1 + (n – 1 )d

ดังนั้น  รูปทั่วไปของลำดับเลขคณิต คือ  a1,  a1+ d,  a1 + 2d,  a1 + 3d,…, a1 + (n – 1 )d

ตัวอย่าง  จงเขียนสี่พจน์แรกของลำดับเลขคณิต  เมื่อกำหนดพจน์แรก เท่ากับ  2 และผลต่างร่วม เท่ากับ – 3

การหาพจน์ต่าง ๆ ของลำดับเลขคณิต

กำหนดลำดับเลขคณิต   a1 ,  a2 ,  a3 ,  …   ให้ a1 เป็นพจน์แรกของลำดับ

และ d  เป็นผลต่างร่วม  จะเขียนพจน์อื่นๆ ของลำดับเลขคณิตในรูปของ a1  และ d  ดังนี้

a1        =        a1

a2        =        a1 + d

a3        =         a1 + 2d

a4        =         a1 + 3d
    .
.
.

ดังนั้น    an       =        a1  +  ( n – 1 )d

   สรุป   พจน์ทั่วไปหรือพจน์ที่ n ของลำดับเลขคณิต คือ  

เมื่อ an     คือ     พจน์ที่ n ของลำดับเลขคณิ
a1    คือ     พจน์ที่ 1 ของลำดับเลขคณิต
n      คือ     ตำแหน่งของพจน์ที่ n
d      คือ     ผลต่างร่วม  (พจน์ที่ n+1 ลบด้วย พจน์ที่ n)

โจทย์กำหนดลำดับเลขคณิต  มี a1  =  2,  d  =  – 3ให้เขียน  a1 ,  a2 ,  a3 ,  a4ลำดับเลขคณิต                                  an + 1  =            an     +    da2       =           a1     +    d=             2       +   ( – 3  )             =            – 1a3      =           a2       +    d=             ( – 1 )  +  ( – 3  )          =             – 4

a4      =             a3        +   d

=             ( – 4 )  +  ( – 3  )           =            – 7

ดังนั้น   สี่พจน์แรกของลำดับนี้ คือ  2,  – 1 ,  – 4,  – 7

 

bg136

ลำดับเรขาคณิต

บทนิยาม     ลำดับเรขาคณิต  คือ  ลำดับที่มีอัตราส่วนของพจน์ที่ n+1 ต่อพจน์ที่ n  เป็นค่าคงที่
ทุกค่าของจำนวนนับ n  และเรียกค่าคงที่นี้ว่า  “ อัตราส่วนร่วม ”

ถ้า  a1,    a2,    a3,    …,    an,    an+1   เป็นลำดับเรขาคณิต แล้ว จะได้
เท่ากับค่าคงที่  เรียกค่าคงที่นี้ว่า  “ อัตราส่วนร่วม ” (Common  ratio)    เขียนแทนด้วย    r

            ตัวอย่าง    ลำดับเรขาคณิต

วามหมายของลำดับเรขาคณิต

พิจารณา        ลำดับ             1,   2,    4,    8,    …

ใช้แผนภาพการทำซ้ำดังแผนภาพที่แสดงอยู่ข้างล่างเพื่อช่วยให้นักเรียนมองเห็นสิ่งที่อยู่ใต้กระบวนการทำซ้ำที่ใช้ในการสร้างจำนวนอย่างต่อเนื่อง ลูกศรแสดงวงจรที่ทำให้เกิดการเวียนทำกระบวนการเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก

ลำดับ             1,   2,    4,   8,   

ลำดับนี้เกิดจาก            1

1      2                 =             2

2      2                 =             4

4      2                 =             8

                                              

                        เรียกลำดับนี้  ว่า  ลำดับเรขาคณิต

                        พิจารณา     ลำดับ  1,   2,    4,    8,    …

ซึ่ง                   a2    a1                 =             2     1                  =             2

a3     a2                 =             4     2                  =             2

a4     a3                 =             8     4                  =             2

จะเห็นว่า  อัตราส่วนของพจน์หลัง หารด้วยพจน์หน้าที่อยู่ติดกัน มีค่าคงที่ เท่ากับ  2

เรียกค่าคงที่ว่า  อัตราส่วนร่วม  และเรียกลำดับนี้ว่า  ลำดับเรขาคณิต

 bg136

ใส่ความเห็น